รักษาสิวฝ้าเพื่อหน้าขาวใส
รักษาสิวฝ้าเพื่อหน้าขาวใส
ด้วยสภาพอากาศในปัจจุบัน ที่นับวันยิ่งมีมลพิษทางอากาศเพิ่มมากขึ้น
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผิวหนังโดยเฉพาะใบหน้าของผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
ถ้าได้รับสภาวะอากาศที่ไม่ดีด้วยการสะสมจากน้อยจนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
อาจทำให้ผิวหน้าเกิดการอุดตันของไขมันเกิดเป็นสิวและฝ้าได้โดยง่าย อย่างไรก็ตามการรักษาสิวฝ้านั้นมีผู้คิดค้นขึ้นมาหลายวิธี
เพื่อให้ผู้ทำการรักษาเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของตน
เรามาทำความรู้จักกับสิวและวิธีการรักษาสิวกันก่อน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนเองให้ถูกวิธี
สิว (acne vulgaris) เป็น โรคผิวหนังที่พบบ่อย มีลักษณะ ผิวสีแดงเกล็ด
คอมีโดน (สิวหัวดำและสิวหัวขาว) พาพูล
(สิวเสี้ยน) โนดูล (สิวขนาดใหญ่) สิวเม็ดเล็ก
และอาจทำให้เกิดแผลเป็นนอกเหนือจากการทำให้เกิดแผลเป็น การเกิดสิวมีสาเหตุและปัจจัย ดังนี้
ปัจจัยภายใน คือ
ปัจจัยที่เกิดจากร่างกายเราเอง เช่น ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ โรคเรื้อรัง และ ผิวพรรณ
ปัจจัยภายนอก คือ ปัจจัยที่เกิดขึ้นจากนอกร่างกายของเรา เช่น ยา เครื่องสำอาง
สภาพแวดล้อม สภาพอากาศ ความสะอาดและอาหาร ซึ่งเราสามารถป้องกันได้
วิธีรักษาสิว
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ครีมรักษาสิวมีออกมามากมายให้เห็นกันตามท้องตลาด ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวควรอ่านวิธีใช้โดยละเอียดเพื่อจะได้ใช้รักษาสิวอย่างถูกวิธีและเห็นผลการรักษาอย่างชัดเจน
ครีมรักษาสิวมีหลากหลายผู้ใช้ควรเลือกให้เหมาะสมกับผิวด้วยเพื่อประสิทธิภาพของการใช้งาน
ซึ่งครีมแต่ละตัวก็จะช่วยรักษาในเรื่องที่ต่างกันไป เช่น
ครีมแต้มสิวที่สามารถแต้มได้ทั้งสิวอักเสบ
สิวหนอง สิวอุดตัน
ครีมแต้มสิวที่ช่วยลดอาการอักเสบและระคายเคืองจากสิวหนอง
สิวบวมแดง และสิวอุดตัน ครีมเป็นเนื้อเจลสีขาว ซึมซาบได้เร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ มีกลิ่นหอมอ่อน
ครีมแต้มสิวสูตรเจลตัวนี้
ใช้รักษาสิวแบบเร่งด่วน โดยเฉพาะสิวอักเสบหรือสิวหัวหนองช่วงบริเวณ T-Zone ช่วยลดอาการอักเสบบริเวณหัวสิว
ทำให้สิวแห้งและยุบตัวอย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งรอยดำ
ทั้งยังช่วยบำรุงผิวให้เรียบเนียนขึ้นอีกด้วย
ครีมรักษาสิวที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้สิวหลุดลอกได้เร็วขึ้น
ครีมแต้มสิวที่เหมาะสำหรับสาว ๆ
ที่มีปัญหาสิวอักเสบ สิวอุดตัน ช่วยลดปัญหาสิวอักเสบ ครีมแต้มสิวที่เป็นยาฆ่าเชื้อ
และต่อต้านเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง เนื้อครีมข้น ค่อนข้างหนืดและมีกลิ่นฉุน ใช้แต้มสิวอักเสบ
สิวหัวหนอง ตัวยาค่อนข้างมีฤทธิ์แรงพอสมควร
จึงควรใช้แต้มเฉพาะบริเวณที่เป็นสิวเท่านั้น
ข้อแนะนำการใช้ยาหรือครีมรักษาสิว
1.หลีกเลี่ยงการทาบริเวณที่ผิวอ่อน เข่น ขอบตา ข้างจมูก หรือมุมปาก
2.
เมื่อล้างหน้าเสร็จไม่ควรทายาทันที ควรรอ 20–30 นาที ให้ผิวแห้งก่อน
จะช่วยลดการระคายเคืองจากยาได้
3.
ใช้ยาปริมาณเล็กน้อยทาทั่วบริเวณที่เป็นสิว
4.
อาจทายาเพียง 30 นาที - 1
ชั่วโมง แล้วล้างออก และอาจค่อยๆ เพิ่มเวลาขึ้น จนแน่ใจว่าไม่ระคายเคืองผิว
5.
กรณีที่ผิวแห้งหรือระคายเคือง สามารถใช้ครีมเพิ่มความชุ่มชื้นที่ไม่ทำให้เกิดสิว และการอุดตันของรูขุมขนได้ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์
6.
หากใช้ยาบางชนิดที่ทำให้ผิวหนังไวต่อแสงแดด ควรหลีกเลี่ยงแดดจัด หรือทาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันแสงแดดเป็นประจำทุกวัน
นอกจากนี้ยังมีครีมที่ผลิตขึ้นด้วยสมุนไพรและได้รับเครื่องหมายรับรองจากองค์การอาหารและยาอีกเป็นจำนวนมาก
ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ครีมรักษาสิวที่ชื่นชอบสมุนไพร เช่นครีมรักษาสิวจากว่านหางจระเข้ ครีมรักษาสิวจากขมิ้น มะนาว น้ำผึ้ง เป็นต้น ทั้งนี้นอกจากการรักษาสิวแล้วยังมีวิธีการรักษาฝ้าด้วยเพื่อให้ได้รับรู้ถึงการเกิด รักษา
และป้องกันการเกิดฝ้าอย่างถูกวิธี
ควรศึกษาในเรื่องดังต่อไปนี้
ฝ้า (Melasma) ปัญหาของผิวพรรณ
ที่เรียกได้ว่าเป็นญาติสนิทกับรอยกระ เพราะกระบวนการเกิดนั้นคล้ายคลึงกันมาก
แต่ฝ้าจะมีบริเวณที่กว้างกว่ามองเห็นได้ชัด สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของใบหน้า
แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีฝ้าบริเวณโหนกแก้ม
โดยตัวเลขเฉลี่ยของคนที่เป็นฝ้าส่วนใหญ่จะเริ่มจากวัย 30 ปีขึ้นไป
ฝ้า เกิดจากการที่เม็ดสีผิวหรือเม็ดสีเมลานิน
(Melanin pigment) ทำงานมากเกินไป จึงทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากเม็ดสีเมลานินนั้นมีหน้าที่กรองรังสียูวี
เมื่อผิวได้รับแสงแดดมากขึ้น เมลานินก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้นตามไปด้วย
โดยรังสีที่มีผลต่อการเกิดฝ้าคือ “รังสี UVA” ซึ่งรังสียูวีเอจะมีช่วงคลื่นที่ยาวกว่ารังสียูวีบี
จึงสามารถทำลายผิวได้ลึก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อ ตากแดดนาน ๆ แล้วผิวถึงคล้ำเสียได้
นอกจากแสงแดดแล้ว เรื่องของการใช้เครื่องสำอาง การทานยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด
รวมไปถึงฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ ก็เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าได้เช่นกัน
ประเภทของฝ้า
- ฝ้าแบบตื้น จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า
(ผิวหนังชั้นนอก) ฝ้าชนิดนี้จะเป็นสีน้ำตาล ขอบชัด เกิดขึ้นได้ง่าย
และสามารถรักษาให้หายได้โดยใช้เวลาไม่นาน
- ฝ้าแบบลึก จะอยู่ในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า
ความลึกของมันจะทำให้เกิดการแสดงสีออกมาเป็นสีน้ำตาลอมฟ้าหรือสีน้ำตาลอมม่วง
เป็นฝ้าที่รักษาได้ยาก การทายามักให้ผลเพียงแค่ทำให้ดูจางลงเท่านั้น
วิธีรักษาฝ้า
1.
การป้องกันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ควรเริ่มต้นจากการหลีกเลี่ยงแสงแดด
ถ้าหากต้องเผชิญแสงแดดก็ควรแต่งกายแบบปกปิดผิวพร้อมกับทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวจากรังสียูวี
โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป และต้องเป็นแบบ PA+++
ด้วย จึงจะช่วยปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าต้องอยู่กับแสงแดดตลอดทั้งวัน
อาจเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงกว่านี้
หมั่นทาครีมกันแดดบ่อย ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
เพื่อให้แน่ใจว่าครีมกันแดดยังมีประสิทธิภาพดีพอต่อการป้องกันแสงแดด
ส่วนไอร้อนจากเตา รังสีจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก็เป็นเหตุทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน
ดังนั้นควรหลีกเลี่ยง นอกจากการทายา ทำทรีตเมนต์ รวมไปถึงการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ
ในระหว่างการรักษาเราสามารถดูแลตัวเองจากภายในได้โดยการรับประทานทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ
วิตามินซี และวิตามินอี ที่เป็นตัวช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ฝ้าขยายตัวใหญ่ขึ้นนั่นเอง
2.
เลือกใช้ครีมบำรุง (ครีมรักษาฝ้า) การเลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ AHA วิตามินซี อาร์บูติน
(Arbutin) กรดโคจิก (Kojic) รวมไปถึงครีมทาฝ้า
ครีมแก้ฝ้า หรือครีมรักษาฝ้าต่าง ๆ
ก็สามารถทำให้ฝ้าจางลงและทำให้หน้าดูกระจ่างใสขึ้นได้ เพียงแต่ต้องอาศัยเวลาในการรักษา
นอกจากรักษาด้วยครีมซึ่งเป็นยาแผนปัจจุบันแล้วยังมีการนำสมุนไพรมาใช้ในการรักษาอีกด้วย ดังต่อไปนี้
1. สูตรรักษาฝ้าด้วยหัวไชเท้า คุณสามารถทำได้ง่าย ๆ
เพียงแค่นำหัวไชเท้าบดหยาบ ๆ มาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที
2. สูตรว่านหางจระเข้ วิธีรักษาฝ้าแบบธรรมชาติ
ให้คุณใช้ว่านหางจระเข้ 1 ใบใหญ่ (เลือกใบล่าง ๆ
แบบที่แก่แล้ว) นำไปแช่น้ำประมาณ 10 นาที
จากนั้นก็ปอกเปลือกออกและล้างให้สะอาด นำไปปั่นหรือบดก็ได้ตามถนัด
แล้วจึงนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที
3. สูตรมะขามเปียก อีกหนึ่งวิธีรักษาฝ้าด้วยสมุนไพร
ให้คุณนำเนื้อมะขามเปียกมาพอกหรือทาบาง ๆ บริเวณผิวที่เป็นรอยฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 3-5
นาที แล้วล้างออก
4.สูตรใบบัวบก สมุนไพรรักษาฝ้าอีกสูตร ซึ่งจากการวิจัยพบว่า
ใบบัวบกนั้นมีสรรพคุณในการช่วยรักษาอาการของโรคผิวหนังได้ โดยเฉพาะฝ้า กระ และสิว
วิธีใช้ก็ไม่ยาก เพียงแค่นำมาปั่นแล้วใช้น้ำใบบัวบกมาเช็ดหน้าก่อนนอนทุกวัน
เพียงเท่านี้รอยฝ้าต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ จางลง เหลือไว้แต่ใบหน้าอันขาวเนียนสดใส
5.สูตรไข่ขาว เพียงแค่นำไข่ขาวมาทาบาง ๆ ให้ทั่วบริเวณที่เป็นฝ้า ทิ้งไว้ประมาณ 5-10
นาที ไข่ขาวจะช่วยดูดซับรอยฝ้าและสิ่งสกปรกให้หมดไปจากใบหน้าของคุณได้
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการรักษาสิวและฝ้าให้จางหายไป เหลือไว้เพียงหน้าขาวใสไร้ริ้วรอย
สิ่งสำคัญคือหมั่นดูแลตนเองให้ห่างไกลจากสิ่งที่ทำให้เกิด สิวและฝ้า เช่น
ออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงแสงแดดหรือทาครีมกันแดดก่อนทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรหลีกเลี่ยงอาหารมัน ตลอดจนพักผ่อนให้เพียงพอ
ซึ่งจะช่วยให้การเกิดสิวและฝ้าลดลงได้โดยไม่ต้องใช้สารเคมีและใช้เวลาในการรักษาที่นานเกินไปกว่าผิวจะขาวกระจ่างใส
สนใจสินค้าสรรพคุณสินค้าที่ผลิตจากสมุนไพรไทยผ่าน อย. คลิ๊กตรงนี้ >>> วางเม้าเเล้วคลิ๊กตรงนี้เลยจ้า